My title page contents
โรคไตเรื้อรัง ภัยเงียบไม่อาจมองข้าม

โรคไตเสื่อม ไตวาย

ภัยเงียบ ที่ไม่อาจมองข้าม

กว่าจะรู้ตัวก็ อาจจะ "สาย" เกินไป

หากคุณ มีอาการเหล่านี้

♣ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน

♣ ปัสสาวะขุ่นหรือมีฟอง

♣ ปัสสาวะสีเข้ม มีเลือดปน

♣ ปวดหลังปวดเอว อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

♣ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดผิดปกติ

♣ คลื่นไส้ อาเจียร

♣ บวมตามใบหน้า เท้า ขา ข้อเท้า

♣ กล้ามเนื้อกระตุก

♣ ปลายประสาทอักเสบ 

♣ ความดันโลหิตสูง

♣โรคหัวใจ

คือสัญญานอาการ “ไตเสื่อม”

ฟื้นฟูบำรุงไตเสื่อม

จะดีกว่ามั้ย.!!.

ถ้ามี “สารสกัดจากสมุนไพร”

แก้ปัญหา  “ไตเสื่อม” ให้คุณได้

โดยไม่ต้อง “ฟอกไต”

ฟื้นฟูบำรุงไตเสื่อม
ไตเสื่อม ฟื้นฟูบำรุงไต

ไตเสื่อม  เจอ “ตัวช่วย” แล้ว

ฟื้นฟูด้วย “สมุนไพรแอมไฟน์”

สารสกัดสมุนไพร แท้ 100%

ฉี่ไม่เป็นฟอง ขาบวมยุบลง

ค่าไตดีขึ้น เพียงทานแค่ 4 กระปุก

แอมไฟน์ บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
แอมไฟน์ บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
ฟื้นฟู บำรุง ไตเสื่อม
ฟื้นฟู บำรุง ไตเสื่อม
ฟื้นฟู บำรุงไตเสื่อม
ฟื้นฟู บำรุงไตเสื่อม
อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

ไตเสื่อม ดีขึ้น เป็นระยะที่ 5 อาการบวมลดลง

อ่อนเพลียลดลง สามารถเดินไปไหน ๆ ได้ ไม่เหนื่อย

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

รักษาไตเสื่อม น้ำตาลลดลง เบาหวานดีขึ้น

ค่าการทำงานของไตดีขึ้น ตั้งแต่ชุดแรกที่ทาน 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
แอมไฟน์ บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

โสมทะเลทราย เป็นสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในทะเลทรายโกบี ในประเทศจีน มองโกเลีย และรัสเซีย มักพบขึ้นตามเนินทรายหรือในดินแดนแห้งแล้ง ชาวจีนเชื่อว่าโสมทะเลทรายเป็นสมุนไพรชั้นเลิศ มีสรรพคุณมากมาย ดังนี้

  • บำรุงกำลัง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่อ่อนเพลียง่าย
  • เพิ่มภูมิคุ้มกันช่วยให้ร่างกาย ต้านทานต่อโรคต่างๆ
  • ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชลอความเสื่อมของเซล
  • บำรุงสมอง ช่วยเสริมสร้างความจำ และป้องกันอัลไซเมอร์
  • บรรเทาอาการปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ
  • ช่วยย่อยอาหารแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
  • รักษาแผล ช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น

จากการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า โสมทะเลทรายมีสารออกฤทธิ์หลายชนิด เช่นสารอิชินาโคไซด์ (Icariin) สารลิกแนน (Lignan)และสารซาโปนิน (Saponin) สารเหล่านี้มีฤทธิ์ทางชีวภาพหลายประการ เช่น ฤทธิ์ต้านอุนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนโลหิต

โสมทะเลทราย สามารถรับประทานได้ทั้งสดและแห้ง โดยนิยมไปต้มเป็นน้ำดื่ม หรือทำเป็นยาแคปซูล ปริมาณที่รับประทานโดยทั่วไป 1-2 กรัมต่อวัน อย่างไรก็ดี ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานโสมทะเลทราย โดยเฉพาะผู้ที่แพ้สมุนไพร หรือกำลังสรับประทานยารักษาโรคอื่นๆ อยู่

ข้อควรระวังในการรับประทานโสมทะเลทราย

  • ไม่ควรรับประทานโสมทะเลทรายมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดหัว เวียนศรีษะ ท้องเสีย เป็นต้น
  • ผู้ที่มีอาการแพ้สมุนไพร หรือกำลังรับประทานยารักษาโรคอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานโสมทะเลทราย
  • หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโสมทะเลทราย

โสมทะเลทราย เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้สมุนไพร หรือกำลังรับประทานยารักษาโรคอื่น ๆ

บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

โสมไซบีเรีย (Siberian Eleuthero) โสมไซบีเรีย มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ คือ Eleutherococcus Senticosus วงศ์ Araliaceae เป็นพืชวงศ์เดียวกับโสม แต่เป็นคนละชนิดกันกับโสมเกาหลี โสมจีน หรือโสมเอเชีย ซึ่งมีชื่อเรียกทางพฤกษศาสตร์ว่า Panax Ginseng สารสกัดจากโสมไซบีเรีย พบสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ อิลิวเธโรไซด์ (Eleutherosides) ซึ่ง สารชนิดไม่พบในโสมเกาหลี และโสมจีน

โสมไซบีเรีย มีการใช้เป็นสมุนไพรในประเทศจีนมากว่า 2,000 ปี เป็นสมุนไพรช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย (Adaptogen) มีประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น

  • บำรุงสมอง เสริมสร้างการเรียนรู้และการจดจำ (improve learning and memory)
  • ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในระหว่างวัน และภายใต้สภาวะความกดดันต่างๆ ได้ดี
  • ต้านการอักเสบในอวัยวะต่างๆ (anti-inflammatory)
  • ต้านการอักเสบของหัวใจ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic heart disease)
  • ลดอาการของโรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
  • ลดอาการปวดข้อ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis | RA)
  • บำรุงหลอดเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง(hardening of the arteries) ลดความเสี่ยงของโรคอัมพฤกษ์อัมพาต
  • ลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease), โรคสมาธิสั้น Attention Deficit Hyperactivity Disorder | ADHD
  • ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ร่างกายตื่นตัว แก้อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียเรื้อรัง(chronic fatigue syndrome)
  • ภาวะต่อมหมวกไตล้า (Adrenal Fatigue)
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น เสริมสมรรถะภาพการทำงานของกล้ามเนื้อและการฟื้นตัวจากอาการล้าของกล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพ เสริมสร้างสมรรถนะของนักกีฬา
  • ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (Fibromyalgia)
  • ลดน้ำตาลในเลือด (lower blood sugar levels)
  • ต้านเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย
  • ต้านเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของวัณโรค (Tuberculosis)
  • ต้านเชื้อไวรัสเริม Herpes simplex virus ชนิดที่ 2 (HSV-2) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศ
  • ลดผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัด (cancer chemotherapy)
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน (boost the immune system)

ข้อควรระวัง :

  • ไม่ควรรับประทานขณะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ไม่ควรรับประทาน
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

 โสมเกาหลี (Ginseng) เป็นยาสมุนไพรที่ทางการแพทย์ตะวันตกใช้ในการรักษาและเพื่อการบำรุงร่างกายมานานกว่า 1,000 ปี และปัจจุบันคนทั่วโลกนิยมใช้โสมเพื่อเสริมพละกำลังและปรับสมดุลให้กับร่างกาย สำหรับโสมสายพันธุ์ที่ดีที่สุด และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ที่มีงานศึกษาวิจัยมากมายคือโสมเกาหลี (Korean Ginseng) หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Panax ginseng C.A. Mayer ซึ่งเป็นพืชในตระกูล Araliaceae

ความลับของสารสำคัญในโสมเกาหลี

     เนื่องจากในโสมเกาหลีมีสารสำคัญคือ จินซิโนไซด์ (Ginsenoside) ซึ่งมีบทบาทในการสร้างพละกำลังและ ยังสามารถปรับสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ ซึ่งมีสรรพคุณในด้านต่างๆดังนี้

1.  ลดความอ่อนเพลีย และสร้างความกระปรี้กระเปร่า
     โสมเกาหลีสามารถช่วยให้ร่างกายคลายความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมต่างๆที่ต้องเผชิญในแต่ละวันได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานหนัก หากทานโสมจะทำให้รู้สึกมีพลังในการทำงานมากขึ้น กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่ากว่าที่เคย

2.  เพิ่มสมรรถภาพของร่างกาย
     เมื่อร่างกายมีฮอร์โมนเพศที่สมดุล ความเครียดลดลง สุขภาพจิตดีขึ้น ก็จะส่งผลไปถึงสมรรถภาพส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ร่วมไปถึงสมรรถภาพทางเพศด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่มีชีวิตคู่แล้ว

3.  เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
     อีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่หลายคนไม่รู้คือ โสมเกาหลีก็ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ เนื่องจากสารสำคัญในโสมจะไปกระตุ้นและสร้างสมดุลให้กับภูมิคุ้มกัน ยืนยันด้วยผลงานวิจัยหลายฉบับที่ระบุว่าผู้ที่ทานโสมเป็นประจำ มีโอกาสเป็นไข้หวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับประทาน อีกทั้งยังช่วยเสริมฤทธิ์ของวัคซีนหรือยาปฏิชีวนะได้อีกด้วย

4.  ลดความเครียด วิตกกังวล
     สำหรับผู้ที่มีความเครียดแนะนำให้ลองรับประทานโสม เนื่องจากโสมจะไปกระตุ้นฮอร์โมน ATCH ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น ปรับสมดุลให้กับร่างกายและยังมีฤทธิ์ช่วยต้านต่อต้านความเครียด จึงช่วยบรรเทาความวิตกกังวลไปได้ด้วย เมื่อคลายความเครียดลงได้ก็จะช่วยให้มองเห็นทางออกของปัญหาที่เผชิญอยู่ได้

5.  ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ
     โสมเกาหลีช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนได้ทั้งเพศชายและหญิง โดยเฉพาะในผู้หญิงจะช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการผู้หญิงวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือนได้ 

6.  ชะลอความเสื่อมของเซลล์
     หลายคนอาจเข้าใจว่าโสมเกาหลีเหมาะสำหรับคนที่อายุมากแล้วเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7.  ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
     โสมเกาเกาหลีจะช่วยกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินได้ดี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยความคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีผลดีกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน รวมถึงคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานด้วย

8.  ควบคุมความดันโลหิต
     คนที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิต โสมเกาหลีเป็นอีกทางเลือกที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ เนื่องจากมีสรรพคุณที่ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือกลับสู่ภาวะที่สมดุลได้

10.  ช่วยสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้น
     เมื่อสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ความเครียดลดลง ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ควบคุมระดับน้ำตาลและควบคุมความดัน รวมถึงมีความสมดุลในทุกส่วนของร่างกายแล้ว สุขภาพโดยรวมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

เคล็ดลับการเลือกโสมเกาหลี

     ถึงแม้โสมเกาหลีจะมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพร่างกายเพียงใด แต่เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาร้อน บางคนอาจรับประทานแล้วมีโอกาสเกิดอาการร้อนในได้ และการรับประทานโสมที่เป็นเหง้านั้นอาจไม่ได้ให้สรรพคุณที่ดีกว่าอย่างที่หลายคนเคยเข้าใจ เพราะอาจจะไม่ได้สารสำคัญซึ่งร่างกายต้องการเท่าที่ควร

     ดังนั้นหลักในการเลือกโสมเกาหลีเพื่อให้ได้สารสำคัญจากโสมในปริมาณสูง ควรต้องเลือกโสมเกาหลีที่เป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด ซึี่งผ่านการสกัดที่ช่วยให้สารออกฤทธิ์ได้อย่างเหมาะสมและสมดุล มีการปรับสัดส่วนสารสำคัญให้สมดุลทั้งร้อนและเย็น เพื่อช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ หรือที่คนจีนเรียกว่าหลักของ “หยินหยาง” และจะดีมากยิ่งขึ้นหากโสมเกาหลีที่เลือกมีส่วนผสมของวิตามินและเกลือแร่ เพราะช่วยลดเรื่องการอ่อนเพลีย ทำให้ร่างกายโดยร่วมแข็งแรงขึ้น เรียกได้ว่าได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกด้วย

บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

“ถั่งเช่า” หรือ “ถั่งเฉ้า” ที่รู้จักกันว่า “ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย” แปลเป็นภาษาไทยว่า “ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า” เรียกกันว่า “หญ้าหนอน” เนื่องจากถั่งเช่าเป็นสมุนไพรที่ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นตัวหนอนของผีเสื้อ และบนตัวหนอนมีเห็ดชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. โดยหนอนชนิดนี้ในฤดูหนาวจะฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินภูเขาหิมะ เมื่อน้ำแข็งเริ่มละลาย สปอร์เห็ดจะพัดไปกับน้ำแข็งที่ละลาย แล้วไปตกที่พื้นดิน จากนั้นตัวหนอนเหล่านี้ก็จะกินสปอร์ และเมื่อฤดูร้อนสปอร์ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใยโดยอาศัยการดูดสารอาหารและแร่ธาตุจากตัวหนอนนั้น เส้นใยงอกออกจากท้องของตัวหนอน และงอกออกจากปากของมัน เห็ดเหล่านี้ต้องการแสงอาทิตย์มันจึงงอกขึ้นสู่พื้นดิน รูปลักษณะภายนอกคล้ายไม้กระบอก ส่วนตัวหนอนเองก็จะค่อยๆ ตายไป อยู่ในลักษณะของหนอนตายซาก ฉะนั้น “ถั่งเช่า” ที่ใช้ทำเป็นยาก็คือ ตัวหนอนและเห็ดที่แห้งแล้วนั่นเอง โดยถั่งเช่าสามารถพบได้ในประเทศจีน (ธิเบต) เนปาลและภูฏาน โดยฤดูกาลเก็บเกี่ยวถั่งเช่าจะเก็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ โดยถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ เป็นเครื่องยาจีนที่มาจากเห็ดรา มักใช้เป็นยาบำรุง สารสำคัญมีฤทธิ์บำรุงปอด และบำรุงไต มีสรรพคุณทางยามากมาย และยังถูกใช้ในทางการแพทย์ แต่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมส่วนใหญ่มักจะมาจากถั่งเช่าที่ถูกเพาะเลี้ยงจากห้องปฏิบัติการเนื่องจากถั่งเช่าธรรมชาติจะมีราคาแพงมากและหายาก โดยรูปแบบที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารเสริมมักจะอยู่ในรูปแบบแคปซูลหรือเครื่องดื่ม

ถั่งเช่า สมุนไพรล้ำค่า มากด้วยคุณประโยชน์

  • เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
  • เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย
  • ลดความเสี่ยงโอกาสเกิดโรคมะเร็ง
  • มีแนวโน้มเพิ่มการทำงานของอินซูลิน ทำให้อาการเบาหวานดีขึ้น
  • ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

เห็ดหลินจือแดง สมุนไพรแห่งชีวิต

เห็ดหลินจือ นั้นถูกใช้ในวงการแพทย์แผนจีนมานานมากกว่า 2,000 ปี ดยชื่อของมันสามารถแปลได้ตรงตัวว่า ‘เห็ดเหนือธรรมชาติ’ ซึ่งเห็ดหลินจือถูกจัดให้เป็นเห็ดที่มีอายุยืนนาน และมีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดในบรรดาสมุนไพรทางการแพทย์เลย แถมยังถูกบันทึกลงในตำราสมุนไพรที่มีอายุมากที่สุดของประเทศจีนอีกด้วย ซึ่งสมัยก่อนนั้นยาปฏิชีวนะมันก็ไม่ได้มีแบบทุกวันนี้ ทำให้หมอในสมัยนั้นเค้าใช้เห็ดหลินจือในการรักษาโรคต่าง ๆ เป็นหลักเลยล่ะ จนถึงขนาดได้รับการยกย่องว่า เป็นราชาสมุนไพรที่หมอจีนเอาไปใช้รักษาแทบจะทุกโรคเลย

สรรพคุณทางยาของเห็ดหลินจือ

  1. ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวซี่งมีบทบาทช่วยยับยั้งการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และรา ผลการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว จะไปกระตุันให้เซลล์พิมาตมะเร็ง (NK cell)
  2. ช่วยการทำงานของตับและยับยั้งเซลล์มะเร็ง เห็ดหลินจือแดงมีสารสำคัญหลายชนิด เช่น สารในกลุ่ม Triterpenoid ซึ่งมีส่วนช่วยร่างกายขับสารพิษจึงทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น จากการทดลองยังพบว่า สารดังกล่าวช่วยยั้บยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับอีกด้วย
  3. รักษาอาการภูมิแพ้ สารประกอบสำคัญในเห็ดหลินจือแดง มีส่วนช่วยยับยั้งการหลั่งสารฮีสตามี (Histamine)ของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการอักเสบ จึงช่วยบรรเท่าผดผื่นคันบนผิวหนัง รวมถึงอาการไอ จาม คัดจมูก ซึ่งเกิดจากภูมิแพ้ได้
  4. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ  สารต้านอนุมูลอิสระในเห็ดหลินจือแดง จะช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ไม่ให้ถูกทำลาย ยับยั้งการเกาะตัวของไขมันและลิ่มเลือดบนผนังหลอดเลือด อีกทั้งช่วยชลอความเสื่อมของเซลล์เยื่อบุหลอด ทำให้ลดโอกาสเสี่ยงการเป็นหลอดเลือดหัวใจได้
  5. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์ สารต้านอนุมูลอิสระในเห็ดหลินจือแดง จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากการถูกทำลายจึงช่วยให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ และยับยั้งการเกิดริ้วแห่งวัยได้
  6.  บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน มีงานวิจัยพิบว่า สารสกัดจากเห็ดหลินจือแดง สามารถลดน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองที่เป็นเบาหวานได้ จึงสัญนิษฐานว่า เห็ดหลินจือแดงน่าจะช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน และ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ เช่นกัน
  7. ลดความดันโลหิต มีการศึกษาที่พบว่า การให้สารสกัดเห็ดหลินจือแดงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง จะช่วยลดความดันโลหิตลงได้ ทั้งยังอาจช่วยลดระดัลไขมันในเลือดและลดการเกาะของไขมันในหลอดเลือดได้
  8. ช่วยรักษาอาการอ่อนเพลียและซึมเศร้า  มีการศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานเห็ดหลินจือเป็นระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ติดต่อกัน สามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลีย อาการกระวนกระวาย และภาวะซึมเศร้าได้
บำรุงฟื้นฟูไตเสื่อม

โพรไบโอติก (Bacillus coagulans)

สายพันธุ์ โคแอกคูแลน 

คุณประโยชน์ โพรไบโอติก

  • ช่วยปรับสมดุลจุรินทรีย์ในลำไส้ ช่วยเพิ่มและลดจำนวนจุลินทรีย์ที่ก่อโรค ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องเสีย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย
  • ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อุจจาระเคลื่อนผ่านสำไส้ได้ดี
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม เพิ่มการผลิตเอนไซน์ย่อย ทำให้ดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
  • ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานการติดเชื้อต่างๆ ได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่  ลดอาการแพ้อาหาร ลดการอักเสบในร่างกาย และช่วยพัฒนาสมองในทารก